Say Hi! Design Thinking by Paramate

Thanabat B.
3 min readJul 17, 2020

--

ผมได้มีโอกาสไปเข้าร่วม workshop class “Say Hi! Design Thinking” ของพี่ เต๋า แห่ง ODDS ถือว่าเป็นการเข้าคลาส Design thinking แบบจริงๆจังครั้งแรก แต่เป็นการรู้จัก Design Thinking ครั้งที่สองของตัวผม (ครั้งแรกไม่ได้นั่งเรียนจริงจังแค่ไปสังเกตุการณ์คลาสของพี่รูฟ)

ความตั้งใจของพี่เต๋าในวันนี้จะเป็นการสอนแบบ private นิดหน่อยเปิดให้เฉพาะชาว #ODDS มาเรียน คลาสในวันนี้เลยมีแต่น้องๆที่สนใจเข้ามา

เริ่มเนื้อหาด้วยการแนะนำเนื้อหาที่จะได้เรียนรู้กันในวันนี้และให้ทุกคนในคลาส แนะนำตัวเองให้กับเพื่อนๆในคลาสฟัง แต่ไม่ใช่การยืนแนะนำตัวแบบทั่วๆไปแต่ใช้เป็นวิธีการวาดรูปอะไรที่สื่อถึงตัวเอง

นี่คือภาพแนะนำตัวของสมาชิกร่วมคลาส

จากนั้นก็เปิดรูปของ Product ต่างๆไม่ว่าจะเป็น Mouse ตัวแรกของ Macintosh, จอ Samsung ไปจนถึงอานจักรยาน ก่อนจะเฉลยว่าสิ่งเหล่านี้ ล้วนแต่มาจากกระบวนการ Design thinking ทั้งสิ้น

ในพาร์ทนี้สิ่งที่ว้าวที่สุดยกให้เป็น Product เก้าอี้เลคเชอร์ที่ IDEO และ Steelcase ร่วมกันออกแบบ (อยากจะบอกว่ามีขายและใช้งานจริงๆแล้วด้วย)

image source: https://www.designboom.com/technology/node-school-desk/

จากนั้นก็เป็นประวัติที่มาที่ไปของ Design Thinking ว่าคืออะไรและมีที่มาอย่างไร อย่าง Interaction Design และ Service Design ที่มีมาตั้งแต่ยุค 70’s -80’s และคำว่า User Experience เองก็เกิดขึ้นเมื่อราวๆปี 1993 โดย Don Norman ที่ Apple Computer
ส่วน Design Thinking เองก็เกิดขึ้นจาก IDEO (design company นะไม่ใช่คอนโด)

IDEO is a global design company

และก็แนะนำถึงบุคคลสำคัญที่เป็นผู้คิดค้นคำว่า Design thinking และผู้ก่อตั้ง IDEO ทั้งสองท่าน

Founder ของ IDEO
CEO ของIDEO

จากนั้นก็แนะนำขั้นตอนของกระบวนการ Design Thinking ซึ่งในคลาสจะอ้างอิงของ IDEO เป็นหลัก ประกอบไปด้วย 4 ขั้นตอนใหญ่ๆดังนี้

4 Phases of Design Thinking

ขั้นตอนนี้คือการทำความเข้าใจในสิ่งที่เรากำลังจะทำและการเสาะแสวงหาข้อมูลต่างๆ ขั้นตอนนี้จึงจะมีกระบวนการยิบย่อยมากๆ ตั้งแต่การทำ Research, การหา Cluster & Theme, การหา Typology

workshop 1 ทำกระเป๋าตังให้เพื่อนใช้
แบ่งเป็น 2 รอบ รอบแรกทำโดยดูจากสิ่งที่เห็นและรอบสองทำโดยให้มีการ interview

workshop 2 แบ่งกลุ่มเพื่อทำ Synthesis จากการฟัง vdo บรรยายเกี่ยวกับเรื่องสถานการณ์ผู้สูงอายุในประเทศไทย โดยให้ทำ Cluster & Theme, หา Insight, สร้าง Typology และ How Might We

รวบรวมข้อมูลที่แต่ละคนจดไว้จากการฟัง clip vdo มาหา Theme

ขั้นตอนนี้ก็คือการระดมความคิด โดยที่จะเน้นให้ช่วยกันออกไอเดียให้เยอะที่สุด
หลังจากได้ Synthesis มาแล้วให้ออกไอเดียกันโดยไอเดียต้องอยู่บน topic ที่เรากำลังจะทำด้วย

workshop ทำ Crazy 8's
ทุกคนในกลุ่มแบ่งกระดาษ A4 เป็น 8 ช่องและให้วาดรูปไอเดียลงในแต่ละช่อง โดย 1 ช่อง ต่อ 1 ไอเดีย ทั้งหมดภายในเวลา 1 นาที

หน้าตาของ Board หลังจากเอาไอเดียที่ทีม generate กันออกมามาแปะในแต่ละ Insight

ขั้นตอนนี้คือการเอาไอเดียที่เราคิดได้ทำออกมาให้จับต้องได้มากที่สุด นั่นก็คือการทำ Prototype ไม่ว่าจะวาดลงกระดาษ, ทำโมเดล หรืออะไรก็ตามเพื่อที่จะเอาไอเดียนั้นไปทำการทดสอบในขั้นตอนถัดไป

workshop สร้าง Prototype
ให้ในกลุ่มสร้าง Prototype จาก 1 ไอเดียที่ในกลุ่มเลือกที่จะทำ

แบบจำลองโมเดลของทีมหลังจากเลือกทำไอเดียของ ผู้สูงอายุ Complex & Avenue

ขั้นตอนนี้คือการนำไอเดียที่เราทำออกมาได้ไปสู่โลกกว้าง เพื่อทั้งทดสอบไอเดียของเราเองหรือมองหาโอกาสในการสร้างสรรค์ไอเดียใหม่ๆที่อาจจะเกิดขึ้นในขั้นตอนนี้

ทีมทำการทดสอบกับ(จำลอง)ผู้สูงอายุ

นั่นก็คือกระบวนการ Design Thinking ทั้งหมด จะเห็นได้ว่าใน workshop เราได้ทำตั้งแต่เอาโจทย์มาหา Insight จนได้เป็น Protoype ออกมาเพียงแค่ระยะเวลา 1 วันได้

แต่ในความเป็นจริงการทำ Product หรือหา Solution อะไรบางอย่างอาจจะใช้เวลาเพื่อลงรายละเอียดในแต่ละส่วนมากกว่านี้หรือก็อาจจะใช้เพียงแค่ 1 วันแบบใน workshop นี้ก็ยังได้ (ตามแต่กรณีไป)

ก่อนจบคลาสพี่เต๋าก็ได้เปิดภาพ Double Diamond กระบวนการออกแบบที่ประกอบไปด้วย Diverge และ Converge โดยกระบวนการเหล่านี้จะถูกสอดแทรกอยู่ในทุกๆขั้นตอนของ Design thinking

image source: https://www.nicepng.com/ourpic/u2t4r5q8t4a9e6u2_what-is-design-one-design-design-thinking-process/

สำหรับใครที่อยากเรียนคลาสนี้เพิ่มเติม เห็นว่ามีอีกหลายๆรอบ สามารถติดตามดูในเพจ ODDS ได้เลย

ขอให้สนุกกับการเรียนรู้ครับ :D

Reference

--

--

Thanabat B.
Thanabat B.

Written by Thanabat B.

Experience and design addiction

No responses yet