UX คืออะไรในฉบับ Jeff Patton
ช่วงนี้ผมมีโอกาสได้ไปแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับเรื่อง UX ให้ทั้งน้องๆในทีมและคนอื่นๆอีกหลายๆคน โดยหัวข้อที่ได้แบ่งปันมักจะเป็นคำถามหรือข้อสงสัยกันว่า UX คืออะไร และ UX ต่างกับ UI ยังไง
ผมก็นั่งหาข้อมูลเพิ่มเติมเลือกตัวอย่างหรือทฤษฏีที่เหมาะกับประสบการณ์ที่เคยทำงานเพื่อไปใช้ประกอบ นั่นเองทำให้ผมเจอ vdo ที่เคย save ไว้ของงาน 24 Hours of UX เมื่อปี 2020
โดย session ตอนนั้นได้มี Jeff Patton ผู้เขียนหนังสือ User Story Mapping ได้เข้ามาร่วมพูดคุยโดยมีประเด็นที่น่าสนใจ
Jeff แกมีคำถามเกี่ยวกับ UX เหมือนกัน เวลาที่ต้องพยายามอธิบายให้คนอื่นๆเข้าใจ ว่า UX ว่ามันคืออะไรกันแน่ แกเลยนั่งคิดค้นคำอธิบายในแบบง่ายๆในฉบับของเขาเองขึ้นมา พอผมดูจบก็เลยรู้สึกว่าน่าสนใจมากๆ
ใน session นั้น Jeff เกริ่นด้วยว่าขั้นตอนการทำ UX นี่ทำไมมันถึงซับซ้อนวุ่นวายจัง โดยยกตัวอย่างรูปจาก UPA จะเห็นได้ว่าตั้งแต่เริ่มจนจบกระบวนการผ่านเส้นทางเยอะมากๆ
และก็ลุง Jeff แกก็ยังยกภาพตัวอย่างมาให้ดูอีกว่า หน้าที่, ตำแหน่งและสิ่งต่างๆของ UX นั้นก็มากมายซับซ้อนเต็มไปหมด (ใครที่อยากลองมาทำเมื่อเห็นก็คงท้อ แน่นอนว่าตั้งแต่ที่ผมทำงานในสายงานนี้มาก็ยังทำไม่ครบทุกวงนี้เลย)
เขาก็เลยนึกต่อไปว่าแต่จริงๆแล้ว UX เขาคำนึงถึงส่วนไหนยังไงบ้างนะ ลุงแกเลยวาดรูปอธิบายเป็นฉากๆ
Jeff ได้เล่าพร้อมขีดเขียนเพื่ออธิบายว่าจริงๆแล้วกระบวนการ UX นั้นมันต้องการและคำนึงถึง 5 ส่วนประกอบดังนี้
1. User/Customer need and problem ชัดเจนและแน่นอนที่สุดตามชื่อเลยว่าก่อนจะเริ่มทำสิ่งใดๆได้ ต้องทำความเข้าใจถึงปัญหาหรือความต้องการของผู้ใช้งานหรือลูกค้าเป็นหลัก
2. Idea และ Solution แน่นอนเมื่อเราเข้าใจถึงส่วนแรกแล้วการได้มาซึ่งประสบการณ์ที่ดีควรมีวิธีการแก้ปัญหาและไอเดียที่จะมาช่วย
หลังจากนั้นแกก็เริ่มต้นวาดส่วนที่ 3–5 เป็นชั้นของ pyramid 3 ชั้น
ชั้นแรก Utility — ต้องเป็นประโยชน์ ใน vdo แกยกตัวอย่างถึงรีโมททีวี จากที่เมื่อก่อนการจะเปลี่ยนช่องหรือทำอะไรกับทีวีต้องเดินไปกดเอา แต่การมาของรีโมททีวีนั้นมีประโยชน์มากๆในการที่จะใช้เพียงแค่ปุ่มกดบนรีโมทในการที่จะเปลี่ยนช่อง เพิ่ม,ลด เสียงต่างๆ
ชั้นที่สอง Usability — ง่ายต่อการใช้งาน พอพูดว่าง่ายแล้วอาจจะฟังดูนามธรรมไปหน่อย แกเลยอธิบายเพิ่มไปอีกว่า การที่มันจะง่ายควรจะมีอีก 3 สิ่งนี้
- Learnability ต้องสามารถทำให้เรียนรู้ได้ ใช้งานครั้งแรกอาจจะงง แต่เมื่อใช้ครั้งต่อไปแล้วต้องเกิดการเรียนรู้และเข้าใจได้
- Memorablity ต้องสามารถทำให้จดจำได้ เมื่อเกิดการเรียนรู้และก็ต้องง่ายต่อการจดจำ
- Performance ต้องมีความสามารถ ความเร็วในเชิงการตอบสนองการใช้งาน ความผิดพลาดที่น้อยและความมีประสิทธิภาพในการใช้งาน
ชั้นสุดท้าย Aesthetic — ความสุนทรีย์ การส่งมอบ look and feel ของ product ในการใช้งาน สี ตัวอักษร ต่างๆที่เป็นส่วนประกอบของความสวยงามเพื่อสร้างความไว้วางใจให้กับผู้ใช้
หลังจากนั้น Jeff แกก็อธิบายต่อว่าที่เล่ามาทั้งหมดถึงเรื่องราวของ UX นั้นมันก็แค่ส่วนนึงของการทำ Product นะ เพราะหากคุณต้องการสร้าง Product ที่ประสบความสำเร็จต้องคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ด้วย แล้วลุงแกก็วาดวงกลม 3 วง (Venn Diagram)สุดคลาสสิค
โดย 3 วง ประกอบไปด้วย
UX — คำนึงถึงปัญหาหรือความต้องการของผู้ใช้
Business — คำนึงถึงมุมมองของธรุกิจ การทำเงินเพื่อความอยู่รอด, mission
Technology — คำนึงถึงความเป็นไปได้ในการสร้างให้เกิดขึ้นจริงได้
จากนั้นแกก็บอกว่าในแต่ละวงนั้นควรจะมีผู้เล่นหลัก 3 คนในวง
- UX People ที่จะดูแลเรื่องการใช้งาน (usable)
- Product Manager ที่จะดูแลคุณค่าในมุมธุรกิจ (valuable)
- Senior Engineer ที่จะดูแลเรื่องความเป็นไปได้ของเทคโนโลยี (feasable)
หรือใน design thinking ฉบับ ideo จะเป็นภาพนี้
ใน vdo แกก็ยังเล่าเรื่องของ UX และ Product อีกมากมาย แต่ผมคิดว่าถึงตรงนี้ก็พอจะเห็นภาพและเข้าใจถึงเรื่อง UX ที่โยงกลับไปถึงเรื่องการสร้าง product ได้พอสมควร ส่วนใครสนใจเวอร์ชั่นเต็มลองไปฟังกันดูครับ
ส่วนใครเล่นทวิตเตอร์สามารถไปติดตามลุงแกได้ที่ช่องทางนี้ได้เลย